RAID (Redundant Array of Independent/Inexpensive Disks) คือเทคโนโลยีที่ใช้รวมฮาร์ดดิสก์หลายลูกเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Performance), ความทนทาน (Reliability) และ ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Protection) โดยมีการทำงานหลายรูปแบบตามโหมด RAID ที่เลือกใช้
ประโยชน์ของ RAID กับ Server
ประเภทของ RAID ที่นิยมใช้
การทำงานของ RAID 0 (Striping)
ข้อดีของ RAID 0
✅ อ่าน/เขียนเร็วขึ้นมาก เพราะใช้ดิสก์หลายตัวทำงานพร้อมกัน
✅ ใช้พื้นที่ได้เต็ม 100%
ข้อเสียของ RAID 0
❌ ถ้าดิสก์เสียแม้แต่ลูกเดียว ข้อมูลทั้งหมดหายหมดทันที
❌ ไม่มีความปลอดภัยของข้อมูล
RAID 0 ใช้กับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การตัดต่อวิดีโอ หรือ Cache Storage
การทำงานของ RAID 1 (Mirroring)
ข้อดีของ RAID 1
✅ ถ้าดิสก์ลูกหนึ่งเสีย ข้อมูลยังอยู่ในอีกลูกหนึ่ง
✅ ป้องกันข้อมูลสูญหายได้ดี
ข้อเสียของ RAID 1
❌ ใช้พื้นที่เพียงครึ่งเดียว เพราะต้องทำสำเนา
❌ ความเร็วไม่เพิ่มขึ้น หรืออาจเร็วขึ้นเล็กน้อยตอนอ่านข้อมูล
RAID 1 ใช้กับงาน Server ที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูล เช่น ฐานข้อมูล, Web Server
RAID 5 (Striping with Parity)
ข้อดีของ RAID 5
✅ เร็วขึ้นกว่าปกติ (แต่ไม่เท่า RAID 0)
✅ หากดิสก์เสีย 1 ลูก ระบบยังคงทำงานได้
✅ ใช้พื้นที่ได้มากกว่า RAID 1
ข้อเสียของ RAID 5
❌ ถ้าดิสก์เสียเกิน 1 ลูก ข้อมูลทั้งหมดหาย
❌ เขียนข้อมูลช้ากว่า RAID 0 และ RAID 1 เพราะต้องคำนวณ Parity
RAID 5 ใช้กับงาน Server ที่ต้องการทั้งความเร็วและความปลอดภัย เช่น File Server, Database Server
RAID 6 (Striping with Double Parity)
RAID 6 เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ การกระจายข้อมูล (Striping) พร้อมกับการใช้ Parity 2 ชุด เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย โดย RAID 6 มีความคล้ายกับ RAID 5 แต่เพิ่มความปลอดภัยขึ้นมาอีกระดับ
การทำงานของ RAID 6
ข้อดีของ RAID 6
✅ ทนทานต่อความเสียหายมากกว่า RAID 5 – ดิสก์เสียได้ถึง 2 ลูก โดยข้อมูลยังอยู่ครบ
✅ อ่านข้อมูลได้เร็ว – เพราะสามารถดึงข้อมูลจากหลายดิสก์พร้อมกัน
✅ เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ข้อเสียของ RAID 6
❌ เขียนข้อมูลช้ากว่า RAID 5 – เพราะต้องคำนวณและเขียน Parity 2 ชุด
❌ ใช้พื้นที่มากขึ้น – เนื่องจากต้องใช้ Parity 2 ชุด ทำให้เสียพื้นที่ไปเยอะ (อย่างน้อย 2 ดิสก์)
❌ ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่รองรับ RAID 6 – ควรใช้ RAID Controller ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน
RAID 6 ใช้กับงาน Server ที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูลสูง และระบบที่ต้องทำงานต่อเนื่อง แม้ดิสก์เสียหลายลูก เช่น Big Data, Cloud Storage, Enterprise Server
สรุปสุดท้าย
🔹 RAID ช่วยป้องกันข้อมูลสูญหาย – ลดความเสี่ยงจากฮาร์ดดิสก์เสีย
🔹 RAID เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน – ช่วยให้ Server ทำงานได้เร็วขึ้น
🔹 RAID ทำให้ Server เสถียรขึ้น – ลดโอกาสที่ระบบจะล่ม
การเลือกใช้ RAID ขึ้นอยู่กับว่า ต้องการความเร็ว (RAID 0), ความปลอดภัย (RAID 1), หรือทั้งความเร็วและความปลอดภัย (RAID 5, RAID 6) ถ้าเป็น Server ที่สำคัญมาก และ ต้องทำงานต่อเนื่องแม้ดิสก์เสีย ควรใช้ RAID 5 หรือ RAID 6 ร่วมกับความสามารถแบบ Hot Spare ของระบบ Disk RAID‼