Red Hat Enterprise Linux (RHEL) เป็นระบบปฏิบัติการแบบลีนุกซ์ (Linux) ระดับองค์กร ที่พัฒนาโดย Red Hat, Inc. RHEL ถูกออกแบบมาให้มีความเสถียรสูง มีความปลอดภัย และรองรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น เซิร์ฟเวอร์ (Server), คลาวด์ (Cloud), ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center), หรือระบบ DevOps
ทุกองค์กรนิยมใช้ RHEL ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้

1. ความเสถียรสูง (Stability) และการสนับสนุนระยะยาว

• RHEL ได้รับการพัฒนาให้มีความเสถียรสูงสุด เหมาะกับระบบที่ต้องการ Uptime 24/7
  
• รองรับการใช้งานระยะยาว (LTS) มีการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยเป็นระยะเวลานานประมาณ 10 ปี ขึ้นไป
  
• เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความต่อเนื่อง (Mission-Critical Systems) เช่น ระบบธนาคาร, โครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และธุรกิจขนาดใหญ่

2. ความปลอดภัยสูง (Enterprise Security)

• มี SELinux (Security-Enhanced Linux) ซึ่งเป็นระบบควบคุมสิทธิ์ขั้นสูงที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
  
• อัปเดตแพตช์ความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอผ่าน Red Hat Security Response Team
  
• รองรับ FIPS 140-2 และ Common Criteria Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ในระดับรัฐบาลในหลายประเทศ

3. การสนับสนุนทางเทคนิคจาก Red Hat Support

• มีทีมซัพพอร์ตระดับโลกที่ช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้อย่างรวดเร็ว
  
• องค์กรสามารถเลือกซื้อ Subscription เพื่อรับการอัปเดตและการสนับสนุนโดยตรงจาก Red Hat
  
• มีเอกสาร และคู่มือที่ละเอียดรวมถึง Red Hat Knowledge Base ที่ช่วยให้วิศวกรไอทีแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น

4. รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้ดี

• RHEL รองรับ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud สามารถทำงานร่วมกับ AWS, Microsoft Azure, Google Cloud, VMware และ OpenStack ได้เป็นอย่างดี
• รองรับการทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูลยอดนิยม เช่น Oracle, MySQL, PostgreSQL, MongoDB
• มี Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes สำหรับบริหารจัดการคอนเทนเนอร์ (Container)

5. มีเครื่องมือและเทคโนโลยีสำหรับ DevOps และ Automation

• รองรับ Ansible Automation ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารจัดการและตั้งค่าระบบได้แบบอัตโนมัติ
  
• รองรับ Docker และ Podman สำหรับการใช้งานคอนเทนเนอร์ (Containerization)
  
• สามารถใช้ Red Hat Satellite เพื่อบริหารจัดการระบบไอทีแบบรวมศูนย์

6. การบริหารจัดการง่ายและรองรับ Workload ขนาดใหญ่

• ใช้ Red Hat Insights ในการวิเคราะห์และตรวจสอบประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์
  
• รองรับการใช้งาน Virtualization (KVM, OpenStack) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
  
• รองรับ High Availability (HA) และ Load Balancing เพื่อลดโอกาสการเกิด Downtime

ตัวอย่างองค์กรธุรกิจที่ใช้ RHEL

1. ธนาคารและสถาบันการเงิน – ใช้ RHEL สำหรับ Core Banking System และระบบการทำธุรกรรมออนไลน์
   
2. บริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไอที – เช่น IBM, Dell, Oracle, Amazon ใช้ RHEL สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์
   
3. หน่วยงานรัฐบาล – ใช้ในระบบป้องกันความปลอดภัย และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
   
4. บริษัทด้านสุขภาพ (Healthcare) – ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูล และระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์
   
5. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม – ใช้ RHEL สำหรับการบริหารจัดการระบบเครือข่าย และเซิร์ฟเวอร์โทรคมนาคม