บทความ >>
Group Policy ข้อใดบ้าง❓ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้องค์กร
Group Policy ข้อใดบ้าง❓ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้องค์กร
การเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กรโดยใช้ Group Policy (GPO) ในระบบ Windows Server เป็นแนวทางที่สำคัญในการจัดการ และควบคุมการตั้งค่าความปลอดภัยของเครื่องลูกข่ายในองค์กร ข้อกำหนดที่ควรตั้งค่าใน Group Policy เพื่อเพิ่มความปลอดภัย มีดังนี้
1. กำหนดนโยบายรหัสผ่าน (Password Policy)
- Enforce password history → บังคับไม่ให้ตั้งรหัสผ่านซ้ำของเดิม
- Maximum password age → กำหนดบังคับอายุของรหัสผ่าน
- Minimum password age → กำหนดให้ต้องใช้รหัสผ่านอย่างน้อยกี่วันถึงเปลี่ยนได้
- Minimum password length → กำหนดความยาวขั้นต่ำของรหัสผ่าน
- Password must meet complexity requirements → ต้องมีตัวอักษรพิมพ์ใหญ่, พิมพ์เล็ก, ตัวเลข และสัญลักษณ์
- Store passwords using reversible encryption → ควรตั้งค่าเป็น Disabled เพื่อไม่ให้เก็บรหัสผ่านในรูปแบบที่ถอดรหัสได้
2. บัญชีผู้ใช้และล็อกอิน (Account & Login Security)
- Account lockout threshold → ล็อกบัญชีหลังจากใส่รหัสผิดกี่ครั้ง
- Account lockout duration → เวลาล็อกบัญชีก่อนปลดล็อกอัตโนมัติ
- Reset account lockout counter after → กำหนดเวลาล้างค่านับการพิมพ์ผิด
- Interactive logon: Message text for users attempting to log on → แสดงข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับนโยบายความปลอดภัยก่อนเข้าสู่ระบบ
3. นโยบายการเข้าถึงระบบ (Access Control)
- Deny log on locally → ป้องกันบัญชีที่ไม่ต้องการเข้าสู่ระบบโดยตรง
- Deny log on through Remote Desktop Services → จำกัดบัญชีที่ไม่ควรเข้าผ่าน RDP
- Limit local administrator account use of RDP → ป้องกันการใช้บัญชี Administrator เพื่อเข้าสู่ระบบผ่าน RDP
- Enable Secure Boot & TPM → เปิดใช้การบูตแบบปลอดภัยและโมดูลรักษาความปลอดภัย (หากฮาร์ดแวร์รองรับ)
4. นโยบายควบคุมแอปพลิเคชัน (Application & Software Control)
- AppLocker → กำหนดว่าซอฟต์แวร์ใดสามารถรันได้ในระบบ
- Block legacy authentication protocols → ปิดใช้งานโปรโตคอลรับรองความถูกต้องที่ล้าสมัย
- Prevent users from installing software → ปิดกั้นผู้ใช้จากการติดตั้งโปรแกรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. นโยบายการเข้าถึงข้อมูล (Data Protection & Encryption)
- Enable BitLocker for system drives → เปิดใช้งาน BitLocker เพื่อเข้ารหัสดิสก์
- Prevent users from turning off BitLocker → ป้องกันผู้ใช้จากการปิดการเข้ารหัส
- Encrypt File System (EFS) Policy → บังคับให้เข้ารหัสไฟล์ที่สำคัญ
6. นโยบายเกี่ยวกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Removable Media & Device Control)
- Prevent installation of removable devices → ปิดการใช้งานอุปกรณ์ USB หรือกำหนดให้เฉพาะอุปกรณ์ที่อนุญาต
- Deny write access to removable drives not protected by BitLocker → ป้องกันการเขียนข้อมูลลง USB ที่ไม่มี BitLocker
- Restrict use of external storage devices → กำหนดสิทธิ์การใช้แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์พกพา
7. นโยบายอัปเดตและแพตช์ (Windows Update & Patch Management)
- Configure Automatic Updates → บังคับให้อัปเดต Windows อัตโนมัติ
- Specify intranet Microsoft update service location → กำหนดให้เครื่องลูกข่ายอัปเดตผ่าน WSUS
- Do not allow users to disable Windows Update → ป้องกันผู้ใช้จากการปิดการอัปเดต
- Enable Windows Defender & Anti-malware Protection → เปิดใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์
8. นโยบายการตรวจสอบและบันทึก (Auditing & Logging)
- Audit logon events → บันทึกการเข้าสู่ระบบทุกครั้ง
- Audit privilege use → บันทึกการใช้งานสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ
- Audit object access → ตรวจสอบการเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญ
- Increase event log size → เพิ่มขนาดของ Log เพื่อให้เก็บข้อมูลได้นานขึ้น
#สรุปสุดท้าย
การกำหนด Group Policy (GPO) สำหรับองค์กรช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการโจมตีระบบ ควรตั้งค่านโยบายในทุกด้านทั้ง รหัสผ่าน, การล็อกอิน, การเข้าถึงระบบ, การใช้ซอฟต์แวร์, การเข้ารหัสข้อมูล, ป้องกันอุปกรณ์ภายนอก, การอัปเดตแพตช์ และการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีความปลอดภัย และสามารถป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับทุกองค์กร‼️



